top of page

น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาต่างกันยังไง?!


น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาต่างกันยังไง?!

น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาต่างกันยังไง?! น้ำมันปลา (Fish Oil)

น้ำมันปลา (Fish Oil) คือ น้ำมันที่ได้จากกระบวนการสกัดเอาน้ำมันออกมาจากส่วนต่างๆ ของปลา เช่น เนื้อปลา หนังปลา หางปลา หัวปลา โดยปลาทะเลที่นำมาสกัดนั้นเป็นปลาที่อยู่ในทะเลน้ำลึกเขตหนาวเย็น ซึ่งมีกรดไขมัน Omega-3 ปริมาณมากกว่าปลาน้ำจืด อาทิ ปลาแองโชวี่ ปลาแมคเคอเรล หรือปลาทูน่ามีไขมัน เป็นต้น

น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาต่างกันยังไง?!

สารอาหารสำคัญของน้ำมันปลา (Fish Oil) : น้ำมันปลาอุดมไปด้วยกรดไขมัน Omega-3 ประกอบด้วยกรดไขมันสำคัญ 2 ชนิด ก็คือ EPA (Eicosapentaenoic Acid) และ DHA (Docosahexaenoic Acid) โดยมีผลวิจัยทางการแพทย์มากมายสรุปอย่างชัดเจนว่าน้ำมันปลา (Fish Oil) มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง เช่น มีส่วนช่วยลดความดันโลหิตสูง ลดไขมันไตรกลีเซอไรด์ และลดโอกาสการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ สมองอุดตัน นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงสมองและหัวใจ เป็นต้น

น้ำมันปลา (Fish Oil) เหมาะกับใคร ? : เหมาะกับผู้ที่ต้องการบำรุงหัวใจ สมอง ป้องกันหลอดเลือดหัวใจ และสมองอุดตัน หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูงหรือต้องการลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ ลดอักเสบโรคข้อรูมาตอยด์ โรคซึมเศร้า และโรคสมองเสื่อม เป็นต้น


น้ำมันตับปลา (Cod liver oil)

น้ำมันตับปลาจะสกัดมาจากตับของปลาทะเลน้ำลึก โดยเฉพาะปลาค็อด หรือที่หลายคนคุ้นหูกันในชื่อของ Cod liver oil

น้ำมันปลากับน้ำมันตับปลาต่างกันยังไง?!

สารอาหารสำคัญของน้ำมันตับปลา (Cod liver oil) : น้ำมันตับปลาจะมีกรดไขมัน EPA และ DHA ในปริมาณที่น้อยกว่าน้ำมันปลา แต่มีวิตามินเอ และวิตามินดี ปริมาณสูง

น้ำมันตับปลา (Cod liver oil) เหมาะกับใคร ? : น้ำมันตับปลา เหมาะกับผู้ที่ต้องการดูแลในเรื่องของสายตาและกระดูก เนื่องจาก วิตามินเอ ได้ชื่อว่าเป็น วิตามินสำหรับดวงตา เพราะมีประโยชน์ต่อสมรรถภาพในการมองเห็น ช่วยให้มองเห็นในที่ที่มีแสงสว่างน้อยได้ดีขึ้น ในส่วนของ วิตามินดี เองนั้นก็มีคุณสมบัติในการบำรุงกระดูก ป้องกันกระดูกพรุนและเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง รวมถึงยังถูกนำมาใช้เสริมในผู้ป่วยที่มีภาวะขาดวิตามินเอ และวิตามินดี อีกด้วย

ข้อควรระวังในการใช้น้ำมันตับปลา (Cod liver oil) : น้ำมันตับปลามีปริมาณของวิตามินเอ และ วิตามินดี สูง ซึ่งวิตามินทั้งสองตัวนี้เป็นวิตามินที่ละลายในไขมัน หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปอาจเกิดการสะสมและก่อให้เกิดอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น คลื่นไส้ เวียนศีรษะ อาหารไม่ย่อย ผิวหนังเป็นผื่น และนอนไม่หลับได้ในบางคน รวมถึงในหญิงตั้งครรภ์ควรระมัดระวังการรับประทานสารอาหารชนิดนี้เป็นพิเศษ เนื่องจากปริมาณวิตามินเอที่สูง อาจส่งผลให้ทารกในครรภ์เกิดความผิดปกติได้


หากต้องการสร้างแบรนด์อาหารเสริมและศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับ เวย์โปรตีน กับ ซอยโปรตีน แตกต่างกันอย่างไร? และต้องการทราบข้อมูลสารสกัดพิเศษใดๆ สามารถติดต่อสอบถาม iherb-lab โรงงานรับผลิตอาหารเสริมเข้ามาได้ทันที เรามีเจ้าหน้าที่เชี่ยวชาญพร้อมเป็นที่ปรึกษาในการสร้างแบรนด์คอยตอบทุกคำถามให้กับคุณค่ะ

Comments


ผลิตอาหารเสริม, รับผลิตอาหารเสริม, โรงงานผลิตอาหารเสริม, โรงงานอาหารเสริม, ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม

Sales - Marketing Office

1/1 โครงการมายแอร์พอร์ต ซอยร่มเกล้า 11/1 ถนนร่มเกล้า แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย 10510

เบอร์ติดต่อ : 02-1031713099 223 6424, 091 428 6888

E-mail : iherblabfactory@gmail.com

Line Official Account : https://lin.ee/h8sAKOE

Facebook Fanpage : Iherblabfactory 

บริษัท ไอเฮิร์บแล็บ แฟคโทรี่ จำกัด  โรงงานรับผลิตอาหารเสริมแบบครบวงจร

 

เวลาทำการ / OPENING HOURS

Monday - Friday : 8:30 -17:00

จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 - 17:00

  • line
  • Facebook ไอคอนสังคม
  • Instagram
bottom of page